บ้าน Admin

บ้าน Admin

เมื่อ 22 กรกฎาคม 2557 เวลา 21:37
ยังไม่ได้ขอรบกวน ไปเยี่ยมบ้านใครอย่างเป็นทางการ มาดูบ้านและเรื่องราวการเลี้ยงปลาของ admin ก่อนละกันนะครับ
ผมเป็นคนชอบเลี้ยงและรังแกสัตว์มาตั้งแต่เด็กครับ พ่อผมชอบเลี้ยงสัตว์และสอนให้ผมรักและรับผิดชอบกับสัตว์เลี้ยง ถ้าเกี่ยวกับปลาตั้งแต่จำความได้ ตอนนั้นผมอาศัยอยู่ที่ห้องพักพนักงานบนอาคารของธนาคารที่พ่อผมเป็นพนักงานอยู่ มีตู้ปลาเล็กๆเลี้ยงปลาทุกชนิดที่ผมอยากได้และพ่ออนุญาตปนกันมั่วไปหมด และผมมีหน้าที่ใช้ที่ทำความสะอาดตะไคร่เป็นแม่เหล็กสองอันประกบกันอยู่ในตู้อันนึง และนอกตู้อันนึง ถูตู้เมื่อเริ่มมีตะไคร่เกาะกระจก เป็นจุดเริ่มต้นการเลี้ยงปลาของผมครับ
แต่ถ้าปลาแฟนซีคาร์พ ได้เริ่มสัมผัสจริงๆสมัยอยู่บ้านนอก
พ่อผมสร้างบ่อปูนกลางแจ้งเพื่อเลี้ยงปลาขนาดประมาณ 50 ตัน
และเราได้ดั้นด้นเข้ากรุงมาซื้อปลาที่บางกอกฟาร์ม กล้วยน้ำไท เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของเด็กบ้านนอกมากครับ ฟาร์มนี้มีบ่ออยู่ในห้องแอร์ มีเบาะรองให้นั่งที่พื้นเพื่อดูปลา ปลาก็ตัวใหญ่ไม่เคยเห็น จำได้ว่าซื้อไปสองตัว ราคาสองหมื่นบาท
แต่เราไม่หยุดแค่นั้น นานๆได้เข้ากรุงสักที จะให้เท่ต้องไปตลาดนัดจตุจักรด้วย ได้ปลาแฟนซีคาร์พตัวละห้าบาทอีกฝูงหนึ่ง กลับบ้านนอกไป
คนมีประสบการณ์การเลี้ยงปลามาตั้งแต่เด็กทั้งพ่อและผม ลอยถุงปรับอุณหภูมิเรียบร้อย เทเลย ต้องเอาน้ำในถุงใส่ไปด้วยมันจะได้ปรับตัว ปล่อยเสร็จให้อาหารเลย ของบางกอกฟาร์มซะด้วย หรูโคตร มีความสุขมากครับ
สามวัน น้ำเริ่มเขียว มองไม่ค่อยเห็น ปลา ไม่รู้ทำไงช่างมัน ให้อาหารแล้วมันกินก็พอ
อาทิตย์เดียวเท่านั้นแหละ สองหมื่น ลอยอืดเริ่มเน่า ห้าบาท ว่ายสลอนอย่างมีความสุข
พ่อผมเลยเปลี่ยนใจไปเลี้ยงปลาอาราไพม่าแทน ผมก็หยุดข้องเกี่ยวกับปลาแฟนซีคาร์พตั้งแต่นั้น จนเรียนเกือบจบ(เห่)มหาวิทยาลัยครับ
ก่อนจะเลี้ยงสัตว์อะไร ก็ต้องศึกษามันก่อน จะได้รับผิดชอบดูแลมันได้ ผมเลยไปหาซื้อหนังสือมาศึกษาก่อน ด้วยความที่เป็นคนขยันอ่านหนังสือมาก เลยเลือกเล่มที่บางที่สุดและมีซีดีด้วย ดูเอาไม่ต้องอ่านจร้า คุณประเสริฐ ไมตรีวงษ์ นี่อย่างเทพ มีซีดีด้วย ทันสมัยสุดๆ
บ่อปลาแฟนซีคาร์พบ่อแรกของผมก็ในรูปนี่แหละครับ ตอนหลังถึงเอามาเลี้ยงปลาทอง
เริ่มจากให้น้าซื้อบ่อ ส่วนผมก็ซื้อปลาคาร์พมาใส่ ราคาสูงขึ้นมากเท่าตัวเมื่อเทียบกับตอนเด็ก ราคาตัวละสิบบาทเชียวครับ
แล้วก็ตกแต่งบ่อให้ได้บรรยากาศ แต่ยังไม่ล้อมรั้วนะครับ จะเลี้ยงปลาสายพันธุ์ญี่ปุ่นทั้งที จะเอาศิลปะทวารวดีมาใส่ก็กะไรอยู่
สนามหลวงสอง ผมไปมันทุกวัน ซื้อปลาใส่ทุกวัน เพราะมันโดดตายทุกวัน
คิดไม่ตกว่าทำไม บ่อก็สวยสไตล์ญี่ปุ่น ยังจะฆ่าตัวตายกันอีก หรืออยากทวารวดี
คิดไปคิดมา อ่อ ไอ้วัวเขายาว มันโดดก็กั้นสิ เลยล้อมรั้วด้วยแบบในรูปครับ
ก่อนจะไปซื้อปลาต้องอ่านนิดนึง พันธุ์อะไรเป็นอะไร ต้องมีสีแบบไหน จดใส่กระดาษไปซื้อ
เดินไปเจอตัวนึงมันเหมือนปลาวาฬเลย ขาวดำ แต่หัวแดงตันโจ อยากได้มาก คนขายบอกปลานอก ตัวละพันห้า โอ้วแม่เจ้า ซื้อสิบบาทได้ร้อยห้าสิบตัวเลยครับ คิดอยู่นานเหงื่อไหลจั๊กกะแร้เปียก และยอมรับว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อกัน ปลานอกเกิดมาเพื่อคนรวยไม่ใช่นักศึกษาเกือบจบแบบผม แต่ก็เล่นเอาคิดถึงมันไปหลายวัน คิดถึงมันไม่พอ คิดว่าจะขอตังค์พ่อยังไงดี ก็หนูจะเอา จะเอาอ้ะ
สรุป อด ครับ แต่ช่างมัน จัดไปสิบบาทวันละตัวสองตัวก็ฟินดี
ซื้อไปซื้อมาบ่อมันเล็กไปใส่ไม่พอก็เลยอ้อนน้าอีกครั้ง ขอบ่อใหญ่ขึ้นแบบในรูปพร้อมกรองแบบในหนังสือว่าไว้ และไม่ลืมที่จะล้อมรั้ว กันนกเอี้ยงเกาะ ด้วยครับ
ตอนนี้ปลามันก็ยังกระโดดเหมือนเดิม แต่มันกระโดดฆ่าตัวตายไม่ผ่านแล้ว ไม่มีปลาคาร์พแดดเดียวอีกต่อไป ภูมิใจที่สุดอ้ะ มีความสุขอ้ะ
แต่ไม่นานนัก มันก็มีอาการตัวแดง เห็นเส้นเลือดชัด บางตัวหุบครีบ ไม่กินอาหาร เกิดอะไรขึ้นอีกคร๊าบบบ
หนังสือบอกให้ใส่ยา ประมาณว่า ฟูราเนส(จำไม่ได้เหมือนกัน) พลิกสนามหลวงสองหา ไม่เจอ พลิกเจเจหา ไม่มี ขอบพระคุณความรู้จากหนังสือมากครับ
ไอ้เรามันก็คนทันสมัย เค้าว่ากันว่า คิดอะไรไม่ออก ให้ถาม พี่กู
จัดด่วนครับ กูเกิ้ล ปลาคาร์พป่วย
เจอสิครับ มีรูปคุณประเสริฐ ไอด้อลในซีดีของผมด้วย ใช่แล้ว มันใช่อ้ะ
ผมก็ตั้งกระทู้ถาม ได้รับความรู้และคำแนะนำมากมายจากพี่ๆ ทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักหรือเคยเห็นหน้ากันมาก่อน รู้สึกดีมากๆครับ
ในที่สุดผมก็สามารถรักษาปลาป่วยได้ แม้จะตายไปบ้างก็ตามครับ
ผมเสพย์ติดเว็บนี้ครับ
เวลาผ่านไปก็มีเว็บปลาคาร์พเกิดขึ้นมาอีกมากมาย ผมก็ได้ไปศึกษาหาความรู้จากเกือบทุกเว็บในขณะนั้น จนขณะนี้ครับ
เคยเป็นกันไหมครับ มันหยุดซื้อไม่ได้ ทีนี้มันไม่ใช่ตัวละสิบบาทแล้วครับ เก่งแล้วนี่ รักษาปลาป่วยได้แล้วนี่ รู้แล้วนี่ว่ากักโรคทำยังไง ขยับสิครับ ปลาพี่ๆในแต่ละเว็บสวยๆกันทั้งนั้น ปลาเราขี้เหร่เกิ๊น ซื้อใหม่ และซื้อใหม่เท่านั้น
ปลาเต็มบ่อ ข้างๆบ้านที่มันว่างดีนะ
ขุดสิครับ เงินไม่มี แต่มีแรง มือแหกไม่ว่า เพื่อปลาที่รัก
เรียกว่าร่องน้ำดีกว่าครับ ทำยังไงก็ได้ให้มีที่เลี้ยงปลาเพิ่ม ร่องนี้ใช้ผ้าใบปู ฝั่งหนึ่งเป็นผนังบ้าน เอากาวตราช้างติดผ้าใบกับผนัง ตามด้วยกาวลาเท็กซ์ ติดเก็บงาน อีกฝั่งใช้อิฐประสานทับไว้ บ่อคล้ายๆแบบ Tottori ซะด้วย ตอนนั้นไม่ได้รู้เรื่องหรอกครับว่าคืออะไร เอาเป็นว่า คิดง่ายๆ ให้น้ำไหลออกจากกรองฝั่งนึง ไล่น้ำไปอีกฝั่งนึง ให้พาขี้ปลาไปให้ปั๊มดูดเข้ากรอง ฝั่งที่วางปั๊มดูดเข้ากรองก็ต้องลึกกว่า น้ำจะได้ไหลพาขี้ไปบำบัด ก็จัดไปได้ตามนั้นครับ
ผมเป็นคนว่างงาน ล้างกรองเกือบทุกวัน น้ำก็ถ่ายออกไปรดต้นไม้เกือบทุกวัน แล้วค่อยเติมน้ำใหม่ อาหารใช้ของ Hikari ตลอด เพราะเท่าที่ทดลองใช้มา น้ำจะขุ่นน้อยที่สุด เลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับบ่อเล็กๆของผมที่สุด ปลาก็โตดีนะครับ ไม่ได้โตมากเท่าไหร่หรอกครับ แต่ด้วยร่องน้ำที่มี มันก็โตจนแน่นคับร่องที่มี แล้วทำไงดีล่ะคับ
ถอยใหม่เลย หนังสือปลามีโฆษณา ร้านอ่างปลาสำเร็จรูป โอ้ว มีขนาดที่พอจะกว้างและลึกขึ้นหน่อย ราคาไม่แพง พอเก็บตังค์ซื้อไหว ไปเลยครับ ไปดูที่ร้านแถวพุทธมณฑลสาย 5 เค้าบอกว่า สั่งทำได้นะถ้าไม่ชอบแบบที่มี อ้าวงี้ก็แหล่ม สั่งเลยครับ ให้เดินท่อสะดือจากบ่อมาเข้ากรอง (ดีใจมากมีบ่อปลาที่มีสะดือบ่อครั้งแรก) เจาะช่องระบายน้ำ สำหรับทิ้งตะกอนจากกรองทุกช่อง เพื่อความสะดวกเวลาล้าง ไม่ต้องเอาสายยางมาดูด ดึงท่อทิ้งน้ำได้เลย หล่อมากครับ ถ้าจำไม่ผิด สองพันกว่าบาทรวมกรองครับ
ค่าส่งประมาณพันนึง มีรถหกล้อมาส่งถึงบ้าน พี่เค้ามากันสองคน บ่อนี่หนักมากเลยครับ น่าจะมีสี่ห้าร้อยกิโล แล้วมึงจะยกกันยังไงครับ ขอบพระคุณครับสัส เลยต้องเกณฑ์ยามมาทั้งหมู่บ้าน มาช่วยพี่เค้ายกอย่างทุลักทุเล เพราะต้องอ้อมบ้านมาอีกฝั่ง แต่ก็ผ่านไปด้วยดีครับ ที่ไม่ดีคือ ค่าขนส่งรวมกับค่าจ้างยาม (ตอนแรกขอความช่วยเหลือฟรีนะ แต่พอยามมา อาม่าบอกจะจ้าง คนละสองร้อย) แพงกว่าบ่อรวมกับกรองอีก แม่เจ้า
ท่านใดที่มีพื้นที่จำกัด ลองบ่อสำเร็จรูปแบบนี้ดูก็ได้นะครับ แต่ต้องตกลงกับคนขายให้ดี ว่าจะขนจะยกกันยังไงนะครับ
บ่อแบบนี้ดูแลง่าย ผมชอบมาก จนปัจจุบันนี้ ผมก็ยังใช้งานอยู่เลยครับ
อุปกรณ์เสริม ที่กันปลากระโดด ก็ทำเอง ง่ายๆแต่จำเป็นมาก สำหรับบ่อเล็กครับ ปลาตกใจทีนึง พุ่งตัวไป ก็เกือบจะหลุดออกนอกบ่อแล้วครับ
บ่อเล็กๆแบบนี้ ถ้าอยู่ตรงชายคา ไม่มีรางน้ำฝน อันตรายมากเวลาฝนตก ทั้งค่าน้ำ ทั้งเชื้อโรคจากสิ่งสกปรกบนหลังคา ปลาอาจจะป่วยและตายเอาง่ายๆนะครับ ตามประสาคนว่างและงบน้อย ทำเองอีกเช่นกันครับ ได้ผลดีในทางป้องกัน แต่ห่วยมากเวลาจะดูปลา คือ ยกออกทุกเช้า ยกเข้าทุกเย็นและก่อนฝนตกครับ
อ่านเว็บปลาคาร์พไปมา เห็นบ่อเซียนๆเค้ามี Bakki เป็นกรองเสริมเพื่อลดของเสีย ลดอุณหภูมิแถมได้เพิ่มอ็อกซิเจน เราก็อยากมีมั่ง จัดไปครับ ส่วนปลาก็โตเอาๆ เพราะบ่อก็ดีขึ้น คนเลี้ยงก็ไม่ค่อยขี้เกียจเพราะความง่ายของการดูแลระบบกรอง น้ำเลยมีคุณภาพดี ปลาโตได้ทั้งๆที่บ่อเล็กครับ
เมื่อปลาโตขึ้น บ่อกลมๆเล็กๆตอนแรกก็ต้องเปลี่ยน จะให้ทำบ่อก็ไม่มีปัญญา จะเอาบ่อปูนสำเร็จก็เข็ดตอนเค้ามาส่ง บ่อไฟเบอร์เลยเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ราคาแพงกว่าบ่อปูนพอสมควร แต่ใหญ่กว่าและเคลื่อนย้ายสะดวก มีบริการส่งจากร้านเช่นกันครับ เสียค่าส่งนิดหน่อย ผมเลยเลือกบ่อไฟเบอร์ครับ
พอใส่น้ำเลี้ยงไประยะหนึ่ง บ่อจะออกแนวแบะออกข้าง ก็ต้องทำเหล็กรัดนะครับ จะได้ไม่พังง่าย
ข้อดีของบ่อเล็กที่ระบบดูแลง่าย คือ สามารถให้อาหารสด พวกผัก เพื่อเสริมวิตามินและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ง่าย ปลาจะมีสุขภาพดีครับ
เมื่อให้ปลากินผัก(ส่วนตัวผมจะเลือกผักปลอดสารพิษนะครับ ขี้เกียจล้างหลายๆรอบ) ขี้มันจะออกมาเป็นผักด้วย หลังจากให้ผักไม่เกินสองวัน ควรจะล้างกรองครับ มันจะได้ไม่เน่าอาจจะทำให้น้ำเสีย แทนที่ปลาจะสุขภาพดี กลับเป็นป่วยง่ายจากคุณภาพน้ำที่ไม่ดีครับ
ส่วนตัวผมคิดว่า บ่อเล็กๆปลาเชื่องได้ง่ายกว่าบ่อใหญ่ ประมาณว่ามันไม่มีที่หนีไปไหน การฝึกเลยทำได้ง่ายกว่าครับ การให้อาหารมื้อละน้อย แต่ให้บ่อยๆ เป็นวิธีที่ผมใช้ฝึกปลาครับ นอกจากปลาเชื่องง่ายแล้ว ยังทำให้ระบบการย่อยอาหารของปลาได้ดูดซึมสารอาหารได้เต็มที่ แถมปลาไม่ค่อยจะลงพุงอีกด้วยครับ
หลังจากให้อาหารสด ก็ควรจะต้องล้างกรองนะครับ เพราะมันทำให้น้ำเน่าเสียง่าย ลองมาดูกรองของบ่อสำเร็จรูปที่สั่งทำกันครับ
อ่างปูนสำเร็จรูปที่สั่งทำมา สั่งทำบ่อกรองทั้งหมดสี่ช่องครับ เป็นระบบล้นลอด คือ ช่องแรกต่อเชื่อมกับสะดือบ่อ รับน้ำมาจากบ่อเลี้ยง ผมใช้แสลนในการกรอง เพื่อดักตะกอนให้มากที่สุด เพราะผมจะล้างกรองช่องแรกเกือบทุกวัน แทนการล้นน้ำทิ้ง เพื่อให้ของเสียออกจากระบบให้มากที่สุดครับ (ไม่แนะนำสำหรับท่านที่่ไม่สามารถล้างกรองช่องแรกได้บ่อย เพราะกรองอาจจะตัน น้ำไหลไม่ทันได้ครับ) น้ำที่ผ่านแสลนไป ก็จะล้นไปยังช่องที่สอง ผมใช้ Bacteria House ใส่ถุงผ้าตาข่ายเพื่อความสะดวกเวลาล้างกรอง และ Matala ที่มีพี่ท่านหนึ่งเลิกใช้และขายต่อผมมาถูกๆครับ น้ำเมื่อผ่านวัสดุกรองไปก็จะลอดไปยังช่องที่ 3
ช่องที่สามก็เป็น Matala เช่นกันแต่วางให้หนาแน่นขึ้นครับ และน้ำจะล้นต่อไปยังช่องที่สี่ เป็นช่องน้ำดี ช่องนี้เป็นช่องใส่ปั๊มน้ำ ก็เอาพวกคาร์บอน ซีโอไลท์ ที่เป็นถุงๆ ที่โง่ซื้อมาพร้อมถังกรอง มาสุมๆรอบๆปั๊มอีกที ไหนๆก็โง่ซื้อมาแล้ว มันก็น่าจะมีประโยชน์บ้างคือกรองละเอียดอีกทีก่อนน้ำลงบ่อเลี้ยงครับ
ช่องกรองทุกช่องผมสั่งทำ ให้สามารถดึงน้ำทิ้งได้ เพื่อความสะดวกในการล้างกรองครับ และก็ไม่ลืมที่จะต้องใส่อ็อกซิเจนในทุกช่องกรอง เพื่อเลี้ยงจุลินทรีย์ในระบบชีวภาพด้วยครับ
ในบ่อกรองผมเลี้ยงปลาเสือพ่นน้ำด้วยให้มันช่วยกินแมลง แต่ส่วนใหญ่มันจะได้กินอาหารปลานี่แหละครับ เดินผ่านทีไรมันพ่นน้ำใส่เพื่อขออาหารทุกที ทั้งน่ารักและน่าสงสาร ก็อดใจไม่ได้ที่ต้องให้อาหารครับ ที่เขียนเรื่องตรงนี้ก็เพื่ออยากบอกว่าต้องกักโรคปลาเสือพ่นน้ำ ด้วยนะครับ วิธีกักเหมือนปลาแฟนซีคาร์พทุกประการ ไม่ว่าจะปล่อยปลาอะไรลงไปในบ่อเลี้ยงปลาแฟนซีคาร์พ ควรจะกักโรคฆ่าปรสิตและเชื้อโรคภายนอกก่อนทุกครั้งนะครับ
ทีนี้มาดูระบบกรองของบ่อไฟเบอร์กันบ้างครับ บ่อนี้แยกระบบกรองเป็นสองระบบ ระบบแรกเป็นกรองถังแบบบนลงล่าง เน้นดักขี้ปลาและตะกอนให้หมด วัสดุกรองเน้นที่ละเอียด แต่ตันง่ายและต้องล้างบ่อยครับ ใช้วัสดุกรองคือ Matala ใยแก้ว และถุงน่อง ว่ากันง่ายๆคือ กรองให้น้ำใสแหละครับ

เมื่อปั๊มดูดน้ำเข้าสู่ถังกรองทางด้านบน น้ำจะไหลผ่านถุงน่องก่อน เสียดายไม่มีภาพ ผมจะใช้ยางรัด รัดปลายถุงน่องกับท่อน้ำเข้าให้แน่น น้ำใสๆที่ไม่มีตะกอนเท่าไหร่นัก จะสามารถไหลผ่านถุงน่องมาได้ วิธีนี้ได้ผลดีมาก แต่ต้องล้างถุงน่องบ่อยครับ สังเกตเวลาถุงน่องเริ่มตันจะบวมเหมือนขาหมูนั่นแหละครับ เป็นสัญญาณว่าได้เวลาล้างแล้ว

น้ำที่มีตะกอนเล็กๆที่ผ่านถุงน่องมาได้ จะโดนดักด้วยใยแก้ว ใยแก้วนี้จะวางซ้อนกันหลายๆชั้น ชั้นบนสุดจะสกปรกที่สุด ล้างแล้วกลับมาใช้ใหม่ได้ครั้งถึงสองครั้งก็ต้องทิ้งครับ พอทิ้งก็เอาแผ่นใหม่ไว้ด้านล่างสุด ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ สุดท้ายน้ำสะอาดแทบจะปราศจากตะกอนก็จะมาไหลผ่าน Matala อีกที อันนี้ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ แค่ใส่ให้วัสดุกรองมันเต็มๆถังพอครับ
ระบบกรอง ระบบที่สองคือ ระบบชีวภาพ จะเน้นการเลี้ยงจุลินทรีย์เป็นหลัก นั่นคือ ระบบ moving bead และ fixed bead ครับ จริงๆอย่างทำแค่ moving bead อย่างเดียว แต่มันทำไม่ได้ เพราะปลาแน่นน้ำไม่ใสเท่าไหร่ครับ (หลายท่านอาจจะงง ว่าก็ระบบกรองกายภาพบนลงล่างที่เล่าไปเมื่อกี๊ไง กรองขนาดนั้นน้ำยังไม่ใสอีกเหรอ ใสครับ แต่ไม่พอ เนื่องจากบ่อไฟเบอร์ มันไม่มีสะดือครับ น้ำที่ดูดเข้าถังกรองสองชุด ก็ต้องใช้ปั๊มสองตัว แต่ละตัวก็ดูดตะกอนเข้าไปในระบบครับ ดังนั้นในกรองชีวภาพนี้ เลยต้องมีระบบ fixed bead ด้วย)

ทั้งสองระบบ ใช้วัสดุกรองเหมือนกันครับ หลักๆ คือ BCN และ KK1 ในสมัยนั้นครับ มีเสริมด้วย Bacteria House และ Bio Ball นิดหน่อย
ก้นถังมักจะเป็นที่เก็บตะกอน ทั้งสองถังเหมือนกัน ใส่ไบโอบอลและแบคทีเรียเฮาส์ปนๆกัน ใส่ไปด้วยหวังให้จุลินทรีย์อยู่ แต่ก็ไม่รู้มันอยู่หรือเปล่าครับ น่าจะมีนิดนึงมั้ง
ด้วยความรอบคอบเนื่องมาจากความขี้เกียจ ตรงด้านล่างของถังทั้งสองใบ จึงมีรูใส่บอลวาล์ว ไว้ปล่อยน้ำทิ้ง ปล่อยตะกอนทิ้ง จะได้ไม่ต้องล้างกรองบ่อยครับ แต่ถ้าปล่อยทิ้งเลย วัสดุกรองก็จะไหลออกไปด้วย เลยต้องมีตะแกรงกันไว้ก่อนชั้นนึงครับ กันวัสดุกรองไหลออก
ถังแรกก็ใส่วัสดุกรองตามที่บอกครับ สีแดงๆคือ Bacteria House สีดำๆคือ BCN สีขาวๆคือ KK1 ครับ ตีอ็อกให้แรงพล่าน เราก็มีกรอง moving bead เป็นของตัวเองแล้วครับ ข้อดีของมันคือ วัสดุกรองพวกนี้เน้นกรองแบบชีวภาพ คือเป็นที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์ครับ มันมีพื้นที่ผิวสัมผัสเยอะกว่าวัสดุกรองชนิดอื่นๆ จุลินทรีย์สามารถอยู่อาศัยได้มากกว่าวัสดุกรองอื่นๆในกรองชีวภาพด้วยกันครับ
แต่อย่างที่บอกไปครับ กรองแบบ moving bead มันไม่กักตะกอน อีกถังนึงเลยต้องเป็นกรองที่ใช้ดักตะกอนครับ วัสดุกรองที่เลือกใช้คือ KK1 เพื่อทำกรองระบบ fixed bead ครับ ส่วนก้นถังเหมือนกับใบแรก คือมีวัสดุกรองใหญ่ๆและมีตะแกรงกันวัสดุกรองไหลออกด้านล่าง ใส่ KK1 ลงไปมันจะลอยครับ เราต้องกดมันไว้ให้มันแพ็คหนา เพื่อให้มันสามารถดักตะกอนได้ ก็ต้องมีตะแกรงทับด้านบนอีกทีครับ น้ำที่ผ่านกรอง fixed bead ก็จะใสและสามารถปล่อยให้ไหลลงบ่อได้เลยครับ
ภาพประกอบไม่ค่อยดีครับ น้ำจะถูกปั๊มดูดจากบ่อเข้าถังกรองด้านขวาในภาพที่ด้านล่างของถังครับ ผ่านกรองแบบ moving bead ขึ้นด้านบนของถังใบแรก(ขวา)แล้วไหลผ่านท่อ ลงสู่ด้านล่างของถังใบที่สอง(ซ้าย) ซึ่งเป็นระบบ fixed bead ไหลผ่านวัสดุกรองขึ้นด้านบนและล้นตามท่อลงสู่บ่อเลี้ยงครับ
การล้นน้ำของผมตั้งแต่ตอนนั้น ถึงปัจจุบัน ใช้วิธีทิ้งน้ำที่อยู่ก้นบ่อกรอง หรือส่วนที่เป็นตะกอน เป็นขี้ปลา ออกจากระบบให้หมด แล้วเติมน้ำใหม่ครับ หลายๆท่านล้นให้ผิวหน้าน้ำด้านบนไหลทิ้งไป แต่ลองคิดง่ายๆ น้ำด้านบนใสๆกับน้ำด้านล่างขุ่นๆ อันไหนสกปรกกว่าและควรกำจัดออกจากระบบมากกว่ากัน ผมเลือกทิ้งน้ำด้านล่างครับ กรองนี้มีบอลวาล์วไว้ทิ้งน้ำ ก็จะเปิดทิ้งถังละ 10-20 วินาทีและเติมน้ำใหม่ลงบ่อเลี้ยงเลย ให้ล้นจนเอาฝุ่นหรือไขมันหน้าน้ำออกไปด้วย นี่คือกิจวัตรที่ทำเกือบทุกวันครับ
เวลาล้างใหญ่เอาจริงๆก็เหนื่อยไม่เบาครับ ถ้าระบบพวกนี้อยู่ในระบบกรองบ่อใหญ่ไม่ใช่ถังกรอง ก็จะไม่ต้องล้างขนาดนี้ครับ นี่คือข้อจำกัดอีกอย่างของถังกรองครับ
ผมเริ่มเลี้ยงปลาและอยากศึกษาจริงจังเลยก็บ่อนี้ครับตามที่เคยได้เล่าไปก่อนหน้านี้
ปลาที่เลี้ยงก็จะตัวละสิบบาท ยี่สิบบาทบ้างแล้วแต่ขออาม่าได้ เริ่มเดิมทีก็แยกไม่ออกครับ ปลาแฟนซีคาร์พกับโคเมต เหมือนกัน ต่างแค่หางยาวๆ เลี้ยงปนไปหมดครับ
แต่ก็ไม่ธรรมดานะครับ มันออกลูกได้ด้วย 55+
พอมีบ่อใหญ่ขึ้น ความรู้มากขึ้น ปลาเราก็พัฒนาขึ้น จากสิบบาท ก็เป็น หลักร้อย ไม่ได้แปดเก้าร้อยนะครับ สามสี่ร้อยเหงื่อก็ออกหัวล้านแล้วครับ
สวยไหมครับ ปลาผม หลายๆคนอาจจะคิดว่ามันไม่มีความสวยเลยเหมือนที่ผมคิดตอนนี้ แต่ในความรู้สึกตอนนั้น มันสวยมาก สวยจนนอนไม่หลับเลยครับ
เราอ่านหนังสือมากขึ้น สายพันธุ์ไหนอ่านจบแล้วว่าเลือกอย่างไร เราก็จะเลือกได้ดีขึ้น เหมือน Doitsu Sanke ตัวนี้ สวยไหมครับ ปัจจุบันผมก็คิดว่ามันสวยอยู่เลยครับ
เลี้ยงมาได้ระยะหนึ่ง ก็เริ่มศึกษามากขึ้น มั่นใจว่าสามารถซื้อปลาได้ดีขึ้น จึงเริ่มซื้อปลานอกที่ราคาแพงขึ้น เริ่มมีปลาที่พอดูได้มากขึ้น
ปลาที่เลี้ยงก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้น
ดีขึ้น
ความมั่นใจเริ่มมา ก็เริ่มกล้าซื้อปลาแพงขึ้นบ้าง
เวลาปลาตายทีนึงนี่ซี๊ดเลยครับ เสียดายและผูกพันธ์
ถึงกับต้องจัดการศพอย่างดี แต่ไม่มีบวชให้นะครับ
พอเรามั่นใจว่าเรามีปลาสวยๆ เราก็อยากทดสอบฝีมือ ด้วยการส่งประกวดปลาบ้าง ช่วงนั้นงานประกวด ไม่ได้มีค่าสมัครโหดแบบปัจจุบัน นั่นเค้าเรียกเพื่อพัฒนาวงการอย่างแท้จริง เดี๋ยวนี้ ค่าสมัครแพ๊งแพง คนมีน้อยอย่างผม ก็แพ้ใจตัวเองตั้งแต่ยังไม่ได้จับปลามาวัดไซส์แล้วครับ เงินหลายๆพัน ผมเอาไปซื้ออาหารให้ปลาผมกินดีกว่า อ่านจุดประสงค์การจัดงานแล้วก็เหมือนเดิม เพื่อพัฒนาวงการ อยากจะอาเจียนเป็นแสงเลเซอร์ พัฒนาวงการมันต้องให้คนหมู่มากเข้าถึง ค่าส่งต้องไม่แพงครับ แต่ก็เข้าใจ ยุคนี้สมัยนี้ค่าใช้จ่ายการจัดการสูง ได้แต่หวังว่าสักวัน จะมีการประกวดที่จัดขึ้นเพื่อพัฒนาวงการอย่างแท้จริง ที่ไม่ใช่เวทีให้คนรวย เอาปลามาโชว์กันอย่างเดียว
ไหนๆก็หลุดมาเรื่องนี้แล้วขอยกตัวอย่างนิดนึงครับ งานประกวดที่ไม่เสียตังค์เลย จัดเพื่อพัฒนาวงการจริงๆ คืองานประกวดของ พี่หมี บางไทร เสียดายและเสียใจที่แกจากไปก่อนวัยอันควร เลยไม่มีงานดีๆแบบนั้นอีกแล้วครับ
งานประกวดสมัยนี้ค่าใช้จ่ายสูง เพราะต้องเว่อวังอลังการ ถ้วยก็ต้องแพงๆมาจาก ตปท. ยิ่งดียิ่งแจ๋ว ก็เก็บไว้ให้คนที่มีเหลือเยอะๆชื่นชมละกันครับ
ทำไมไม่จัดแบบประหยัด ดูถ้วยบางไทรในรูป ลวดพันไปพันมาให้รุ้ ให้เป็นที่ระลึก ให้เป็นความภูมิใจของผู้ชนะ แบบนี้น่าจะพอครับ ถ้าท่านชนะแล้วได้รางวัลแบบนี้ ท่านจะไม่ภูมิใจเหรอครับ พอดีกว่า เด๋วพี่ๆที่จัดงานประกวดจะเกลียดผมไปใหญ่ ผมแค่เสนอแนะนะครับ กลับมาเรื่องปลาต่อดีกว่า 55+
ช่วงไฟแรง ผมส่งปลาประกวดเกือบทุกงาน ได้รางวัลทุกครั้งที่ส่ง ยิ่งทำให้มั่นใจ ภูมิใจและสนุกกับการประกวด คู่แข่งก็เยอะเพราะราคาค่าส่งไม่แพง ยิ่งท้าทาย
แต่การดูแลปลาของผมอาจจะไม่ดีพอ ปลาที่เหนื่อยล้าจากงานประกวด โดนแดดมาเกือบทั้งวัน พอกลับมาบ้าน มักมีการสูญเสียเป็นประจำ
ผมเลยเริ่มส่งประกวดน้อยลงครับ เพราะสงสารปลา
การเลี้ยงปลาต้องศึกษาให้ดีและเอาใจใส่ทุกขั้นตอนครับ เหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ควรทำใจกับการสูญเสียไว้บ้าง เพราะปลาเป็นสิ่งมีชีวิตครับ
เราควรรู้วิธีที่จะรับมือกับโรคปลา และอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย
ที่สำคัญเลยคือการเอาใจใส่ ถ้าเราทำอย่างเต็มที่แล้วสูญเสียปลาไป เราจะไม่เสียใจมากเท่าเราไม่ได้ทำอะไรเลยครับ
กักโรคเป็น ดูแลน้ำเป็น รักษาโรคปลาเป็น เอาใจใส่กับรายละเอียดได้บ้าง เท่านี้ ท่านก็จะไม่สูญเสียปลาเยอะ ปลาป่วยยาก และจะมีความสุขกับการเลี้ยงปลาครับ
คราวหน้ามาว่ากันต่อ เรื่องบ่อปัจจุบันครับผม
อย่าลืมเข้ามาอ่านเล่นกันใหม่นะครับ